แนวทางวางแผนการทดสอบระบบเครือข่ายในองค์กร
การทดสอบระบบเครือข่าย ถือเป็นบทบาทการทำงานที่สำคัญ ในการทดสอบความพร้อมและข้อบกพร่องจากการออกแบบระบบเครือข่าย รวมทั้ง Application ที่จะนำมาใช้ในระบบ สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ การทดสอบระบบเครือข่าย ไม่เพียงแต่จะช่วยให้มีความพร้อมในการรองรับ Application ใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้งาน เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับ จุดอ่อนและปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของระบบ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถวางแผนเกี่ยวกับบริหารขีดความสามารถของระบบเครือข่าย และสามารถพยากรณ์ความต้องการเกี่ยวกับการขยายขอบเขตของระบบเครือข่ายได้ในอนาคต
ปัญหาเครือข่าย Down เป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่ในแต่ละปี องค์กรต้องสูญเสียผลประโยชน์จากการที่ไม่สามารถใช้ข้อมูล เป็นจำนวนมาก ดังนั้น องค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วไป จะต้องบรรจุแผนการทดสอบระบบเครือข่าย โดยรวม ตลอดจน การทดสอบขณะที่กำลังจะนำเอา Application ใหม่มาใช้งาน อย่างไรก็ดี การทดสอบระบบเครือข่าย จำเป็นต้องมีระเบียบแบบแผน และการวางแผน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในขั้นตอนของการทดสอบ ระบบเครือข่าย
ภาพที่ 1 ตัวอย่าง Model การทดสอบระบบเครือข่ายภายใต้มาตรฐานเครื่องมือของ Fluke |
เหตุใดการทดสอบระบบเครือข่ายจึงมีความสำคัญ
การทดสอบระบบเครือข่าย ควรเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่มีการติดตั้งระบบเครือข่ายเป็นที่เรียบร้อย หรือมีการติดตั้ง application ใหม่ๆ ตลอดจน การทดสอบประจำปี ที่ควรกำหนดขึ้นเป็นแผนงาน การทดสอบระบบเครือข่าย จะช่วยให้ท่านได้ประโยชน์ดังนี้
ภาพที่ 2 การทดสอบระบบจะช่วยให้ทราบถึงความจำเป็นต้องมีเส้นทาง backup บน WAN |
ความจำเป็นที่จะต้องมีการทดสอบระบบ
มีคำถามอยู่มากมาย ที่ผู้ดูแลระบบอาจต้องถาม โดยเฉพาะหลังจากติดตั้งระบบเครือข่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น
คำพูดที่หลุดออกมาจากผู้ดูแลระบบเครือข่ายที่ประสบการณ์สูง มีดังนี้ :
เป็นเรื่องปกติ ที่ท่านอาจไม่ได้รับความเห็นชอบ ในเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จาก CEO, CFO ของท่าน หากท่านเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้พื้นฐานทางด้านเทคนิค โดยเฉพาะระบบเครือข่าย
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการที่เครือข่ายล่ม
มีองค์กรธุรกิจมากมายที่ยังไม่มีความเข้าใจถึงผลกระทบจากปัญหาระบบเครือข่ายล่มต่อธุรกิจของเขา แต่การคำนวณหาค่าใช้จ่ายจากผลกระทบนี้ อาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากจะต้องเข้าใจถึง การสูญเสีย ที่จับต้องได้และที่จับต้องไม่ได้ การสูญเสียแบบจับต้องได้ คือการสูญเสีย หรือความเสียหายที่สามารถเห็นได้ชัด เช่น การเสียค่าใช้จ่ายกับการกู้คืนข้อมูล การกู้คืนระบบ และค่าใช้จ่ายที่จะต้องทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนความสูญเสียที่ไม่สามารถจับต้องได้ คือปัญหาชื่อเสียงที่ต้องหม่นหมองไป การสูญเสียลูกค้า รวมทั้งการสูญเสียเวลาการทำงานของพนักงาน มีอยู่ไม่น้อยที่ความสูญเสียที่จับต้องไม่ได้นี้ เป็นการสูญเสียที่มีผลกระทบในระยะยาว มากกว่า การสูญเสียที่จับต้องได้
ภาพที่ 3 Software ที่ใช้ทดสอบระบบ |
จากการวิจัยของ Gartner หน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับ IT และให้คำแนะนำที่มีชื่อเสียงได้ให้ข้อมูลว่า ความสูญเสียที่มากับปัญหาเครือข่ายล่ม ครอบคลุมไปถึง
ต่อไปนี้เป็นตาราง แสดงอัตราการสูญเสีย ที่มาจากปัญหาเครือข่ายล่ม โดยแบ่งตาม
อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ
Industry Sector Revenue/Hour Revenue Employee-Hour
Energy $2,817,846 $569
Telecommunications $2,066,245 $186
Manufacturing $1,610,654 $134
Financial Institution $1,495,134 $1,079
Insurance $1,202,444 $370
Retail $1,107,274 $244
Transportation $668,586 $107
Average $1,010,536 $205
ตารางที่ 1 แสดงแสดงอัตราการสูญเสีย ที่มาจากปัญหาเครือข่ายล่ม
Availability % Downtime per Year Downtime per Month* Downtime per Week
90% 36.5 days 72 hrs 16.8 hrs
95% 18.25 days 36 hrs 8.4 hrs
98% 7.3 days 14.4 hrs 3.36 hrs
99% 3.65 days 7.20 hrs 1.68 hrs
99.5% 1.83 days 3.6 hrs 50.4 min
99.8% 17.52 hrs 86.23 min 20.16 min
99.9% (three nines) 8.76 hrs 43.2 min 10.1 min
99.95% 4.38 hrs 21.56 min 5.04 min
99.99% (four nines) 52.6 min 4.32 min 1.01 min
99.999% (five nines) 5.26 min 25.9 sec 6.05 sec
99.9999% (six nines) 31.5 sec 2.59 sec 0.605 sec
ตารางที่ 2 แสดงจำนวนของเวลาที่เครือข่ายล่ม เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
* สำหรับการคำนวณแบบรายเดือน ให้คิดเป็น 30 วันต่อเดือน
การทดสอบระบบตามปกติ จะช่วยให้ท่านทราบถึงความต้องการเกี่ยวกับความพร้อมของระบบ และการวางแผนการทดสอบ จะต้องให้ความระมัดระวังต่อปัญหาการเกิดชะงักงันของระบบเครือข่าย ซึ่งครอบคลุมต่อไปนี้
ปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นจาก สิ่งอำนวยความสะดวก เช่นปัญหาระบบไฟฟ้า หรือปัญหาจาก
น้ำ ปัญหาเกี่ยวกับ HVAC ปัญหาเกี่ยวกับระบบระบายอากาศ รวมทั้งปัญหาสภาพแวดล้อมต่างๆ
เมื่อท่านได้ รู้ว่าจะทดสอบความพร้อมของระบบ ได้อย่างไร ท่านก็สามารถสร้างแผนการทดสอบที่เหมาะสมขึ้นได้ ขอบเขตของการทดสอบอาจมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการตรวจวัด ในรูปแบบความพร้อมที่มนุษย์ตระหนักได้ หรือความพร้อมที่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตระหนักได้ (เช่น เครื่องทดสอบบอกว่า ระบบมีปัญหาระบบน่าจะไม่พร้อมเนื่องจากตัวเลขที่วัดได้เกินค่า Threshold ขณะที่มนุษย์เห็นว่าใช้ความรู้สึกจากการใช้งานเป็นหลัก)
เพื่อให้เกิดความกระจ่างในจุดนี้ ลองนึกภาพดูว่า ผู้ร่วมงานของท่านได้ดำเนินการตรวจเช็ค Web Mail เขาได้ Click ไปที่ Web Browser และอีก 15 วินาทีผ่านไป เขาอดทนไม่ไหว จำต้อง Click ที่ปุ่ม Refresh ใน Browser ถึงจุดนี้ Web Mail ได้ปรากฏต่อหน้าและพร้อมที่จะอ่าน ซึ่งในมุมมองของเขา เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน คือการ Refresh ที่ Browser และทุกอย่างดูเป็นปกติ
จากมุมมองของระบบ อาจมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นนับร้อยในช่วงเวลา 15 วินาที มีความเป็นไปได้ที่ Traffic ของเข้าได้ถูก Redirect ไปสู่ Data Center ที่ต่างกันในโลกใบนี้ จากการที่เขา ทำการ Refresh ที่ Browser แต่หากท่านทดสอบการรับรู้ ท่านอาจคิดว่า 15 วินาทีเป็นเรื่องปกติที่สามารถยอมรับได้ ไม่ถือว่าเป็นปัญหาเรื่องของความพร้อมแต่อย่างใด เนื่องจากยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่สำหรับมุมมองของการบริหารจัดการระบบเครือข่าย กลับมองว่า 15 วินาทีแห่งการรอคอยนั้น ถือว่าเป็นความไม่พร้อมของการให้บริการ
ภาพที่ 4 ปัญหาประสิทธิภาพการสื่อสารผ่าน WAN |
เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำงานของ Application ภายใต้ระบบเครือข่ายที่ไม่เสถียร การที่ต้องรอเวลา 15 วินาที จนรอไม่ไหวต้องกดปุ่ม Refresh อาจมีสาเหตุจาก Application Server เกิดหยุดชะงักงันชั่วขณะหนึ่ง และอาจสูญเสียการสื่อสารกับ Back End Database Server ประมาณ 10 วินาที หรือต้องวิ่งไปที่ Backup Server เนื่องจาก Server หลักไม่พร้อม หรือมีความเป็นไปได้ ที่เกิดการสลับการทำงานไปมาระหว่าง Database Server หลักกับ Database Server สำรอง เนื่องจากเกิดปัญหาความไม่เสถียรของระบบเครือข่าย และลักษณะนี้ได้กระตุ้นความรู้สึกของมนุษย์ที่ว่า เรื่องนี้เป็นปกติ เนื่องจากเงื่อนไขการใช้งานลักษณะเช่นนี้ ยังไม่เกินข้อตกลงใน SLA (Service Level Agreement)
เมื่อมีการกำหนดแผนงานและจุดประสงค์ของการทดสอบขึ้น
ภาพที่ 5 แสดงค่า Delay จาก video conference |
ภาพที่ 6 การทดสอบค่า Delay และThroughput สำหรับ WLAN |
เมื่อมีการกำหนดแผนงานการทดสอบและประเด็นที่แสดงถึงความสำเร็จ ยังมีเรื่องจำเป็นที่ต้องพิจารณา Application ที่สำคัญขององค์กร ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 15 วินาที แบบเดียวกับที่เคยได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า ในมุมมองของผู้ใช้งาน Web ยังไม่ค่อยรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมาก แต่ในมุมมองของผู้ที่ต้องใช้งาน Video Conference แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่กล่าวไว้เช่นนี้ ก็คือมุมมองของผู้ใช้ Application ที่ต่างกัน อาจมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น แผนงานการทดสอบ จะต้องถูกกำหนดให้สอดคล้องกับ Application ที่มีปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของระบบเครือข่ายมากที่สุด
มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ท่านไม่สามารถมีความพร้อมระดับ 99.999% หากท่านมีลักษณะของเครือข่ายดังนี้
ภาพที่ 7 ปัญหาการเชื่อมต่อในระบบ Redundancy |
การกำหนดแนวทางการทดสอบอย่างมีระบบ
ถึงแม้ว่าการทดสอบระบบเครือข่ายจะได้รับประโยชน์อย่างที่เราทราบกันดี แต่ที่ผ่านมามากมายหลายแห่ง การวางแผนทดสอบระบบเครือข่าย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ใช้วิธีการทดสอบที่สอดคล้องกับการทำงานที่แท้จริง โดยไม่ได้เน้นทดสอบความเค้นแก่อุปกรณ์เครือข่าย ดังเช่นที่ Application ได้กระทำต่อเครือข่าย ซึ่งการทดสอบทั่วไปเป็นการทดสอบทั่วไป แบบง่าย และขาดการวางแผนที่ดี ผลลัพธ์ที่ออกมา เป็นข้อมูลน้อยนิดที่ไม่คุ้มเวลาที่เสียไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ตามมา สาเหตุส่วนใหญ่คือ การขาดประสบการณ์ และแนวทางทดสอบ รวมทั้งข้อจำกัดเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้ทดสอบ
แนวทางมาตรฐานการทดสอบระบบทั่วไป ประกอบด้วยแนวทาง 5 ประการดังนี้
ขั้นตอน 1: การประเมิน (Assessment)
ในขั้นตอนนี้ ท่านอาจต้องเข้าร่วมโดยตรงกับลูกค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ เพื่อกำหนดจุดประสงค์และเป้าหมายจากการทดสอบ หลังจากที่ทุกฝ่ายมีความเข้าในจุดประสงค์ของการทดสอบแล้ว ท่านจะสามารถเลือกแนวทางหรือวิธีการทดสอบที่เข้ากับสภาพแวดล้อม หรือลักษณะของระบบเครือข่าย โดยก่อนที่จะมีการทดสอบ จำเป็นจะต้องมีการประเมินความเสี่ยง และการคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ ค่าที่ยอมรับได้จากการทดสอบ การจัดลำดับความสำคัญ และการกำหนดกรอบเวลา
อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้มีการทดสอบระบบเครือข่าย?
มีปัจจัยมากมายหลายประการที่เป็นกระตุ้นให้ต้องเริ่มทดสอบระบบเครือข่าย ตัวอย่างเช่น
ขั้นตอน#2 การวางแผนทดสอบ
ในขั้นตอนนี้ท่านจะต้องประสานงานร่วมกันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง (หรือมีส่วนได้ส่วนเสียของงาน) เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอนการทำงาน Software และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง ทีมงานที่มีประสบการณ์ ข้อมูลการทดสอบ แผนผังการเชื่อมต่อเครือข่าย การจัดเตรียมรายงาน รูปแบบของรายงาน ข้อมูลหรือผลลัพธ์จากการทดสอบที่ยอมรับได้ ตลอดจนการกำหนดเวลา และสถานที่ทดสอบ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องมีแผนสำรองหากในขณะทดสอบ เกิดเหตุไม่คาดฝัน รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงที่การทดสอบอาจไม่ประสบผลสำเร็จ และที่สำคัญคือแนวทางการทดสอบ ซึ่งมีอยู่หลายแบบดังนี้
ในเฟสนี้ ท่านจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Hardware ระบบ Software รวมทั้งขีดความสามารถของสิ่งต่างๆเหล่านี้ รวมทั้งความคาดหวังเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ความเสถียรในการทำงาน ความน่าเชื่อถือ
ภาพที่ 8 การทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ Application บนเครือข่าย |
ภาพที่ 9 การทดสอบความสามารถในการรับภาระของเครือข่าย |
ภาพที่ 10 Failover test |
ขั้นตอน #3 การจัดตั้ง
ในขั้นตอนนี้ การเชื่อมต่อเครือข่ายของเครื่องทดสอบมีความพร้อมแล้ว ให้ Load Software และเตรียมติดตั้ง Software ให้พร้อมที่จะทดสอบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์เครือข่ายและ Server ได้รับการเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง เช่น การติดตั้ง SNMP บนอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ นอกจากนี้ท่านยังต้องกำหนดลำดับความสำคัญของการทดสอบ เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากที่สุด
ขั้นตอน # 4 ดำเนินการทดสอบ
เป็นเฟสที่มีกิจกรรมการทำงานมากที่สุด และเข้มข้นที่สุด ในเฟสนี้ท่านจะต้องดำเนินการตามแผนงานด้วยความระมัดระวัง และเก็บผลการทดสอบให้มากที่สุด และความแม่นยำมากที่สุด การทดสอบในขั้นตอนนี้ จำเป็นต้องใช้ Teamwork มากที่สุด
ขั้นตอน # 5 ผลลัพธ์
เป็นขั้นตอนที่มีการรวบรวมผลลัพธ์เพื่อจัดทำเป็นรายงาน โดยจัดทำรายงานในรูปแบบเอกสารหรือ Electronics เพื่อใช้วิเคราะห์ต่อไป
ภาพที่ 11 การใช้ iPerf เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครือข่าย |
ขอบข่ายของการทดสอบ
มีคำถามอยู่ 2 ข้อที่ท่านอาจได้รับจากผู้ใช้บริการเครือข่าย เมื่อมีการกล่าวถึงแนวคิดการทดสอบระบบเครือข่าย ได้แก่
ในบางครั้งมันเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดขอบเขตของการทดสอบระบบ หากท่านไม่เข้าใจข้อมูลทางเทคนิค ด้วยเหตุผลนี้เองท่านจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ชำนาญการทางเทคนิค ในระหว่างที่กำลังกำหนดขอบเขตของการทดสอบ และท่านควรสละเวลาทบทวนกับผู้ที่ออกแบบระบบเครือข่าย เพื่อที่จะเข้าใจจุดประสงค์ของการออกแบบเครือข่ายในลักษณะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถประมาณการณ์ว่า จะต้องใช้เครื่องมือ งบประมาณและกำลังคนมากน้อยเพียงใด
ขั้นตอน 1. แยกสิ่งที่ท่านจะต้องทดสอบให้เสร็จสิ้น
ท่านจะต้องเข้าใจเหตุผลของการทดสอบ และจะต้องกำหนดชนิดหรือองค์ประกอบของระบบเครือข่ายที่จะทดสอบ รวมทั้งประเภทของการทดสอบ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ท่านจะต้อง มีความชัดเจนต่อภารกิจของการทดสอบ เช่น
ขั้นตอน 2. จะต้องรู้ให้ได้ว่า ใครบ้างที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเกี่ยวข้องกับการทดสอบนี้
คำว่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในที่นี้หมายถึง กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแผนกให้บริการหรือดูแลระบบไอทีโดยตรง รวมทั้งผู้ที่กำหนดให้มีการทดสอบระบบ รวมทั้งผู้ที่เป็นหัวหน้าดูแลระบบไอที โดยเฉพาะดูแลระบบเครือข่าย หรือ IT Manager นอกจากนี้ยังประกอบด้วยบุคคลจากแผนกต่างๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับการใช้ระบบไอที ตลอดจน ผู้ที่ออกแบบวางระบบเครือข่าย นักพัฒนา Application เป็นต้น จุดประสงค์ก็เพื่อหารือ เกี่ยวกับข้อตกลงในเรื่องผลการทดสอบ วิธีการทดสอบ การจัดทำรายงาน จุดที่ต้องทดสอบ ช่วงเวลา และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ เครื่องมือที่ใช้ รวมทั้งงบประมาณท่านจะต้องนำเอาความเห็น และข้อตกลงมาเป็นอินพุทสำหรับการทดสอบด้วย นอกจากนี้ ท่านจะต้องกำหนดให้มีบุคลากรมาจัดการทดสอบ เพื่อให้การทดสอบดำเนินไปอย่างถูกต้องและเสร็จสิ้น โดยท่านอาจใช้ หลักการออกแบบองค์กร ภายใต้ RACI ( Responsible, Accountable, Consulted, Informed) Model
ขั้นตอน 3. อะไรคือสิ่งที่บ่งบอกว่า ได้เสร็จสิ้นจากการทดสอบแล้ว และการทดสอบประสบความสำเร็จ ดังนั้นท่านจะต้องนิยามความสำเร็จ และกำหนดผลการทดสอบที่ทุกฝ่ายยอมรับ
เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ท่านจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ว่า ผลลัพธ์ที่จะออกมาหลังการทดสอบ ควรมี่ค่าเท่าใด จึงจะถือได้ว่า เข้าเกณฑ์มาตรฐาน หรือเป็นที่น่าพึงพอใจ มิเช่นนั้น การออกจากการทดสอบเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ตัวอย่างต่อไปนี้ คือประเด็นสำคัญจากการทดสอบแบบต่างๆที่แสดงว่า ผลการทดสอบผ่าน
การทดสอบหาจุดบกพร่องจากการออกแบบเครือข่าย
ประเด็นที่แสดงว่าการทดสอบผ่านได้แก่
ประเด็นสำคัญที่แสดงว่า การทดสอบไม่ผ่านได้แก่
ขั้นตอน 4. คำนวณหรือประมาณการณ์ว่าจะต้องใช้ทรัพยากร หรือเครื่องมือ มากน้อยเพียงใดเพื่อให้การทดสอบดำเนินไปได้ด้วยดี
ขั้นตอน 5. พิสูจน์ทราบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้วิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจทำให้การทดสอบไม่ประสบผลสำเร็จ
ขั้นตอน 6. กำหนดกรอบเวลาของการทดสอบ
ภาพที่ 12 แสดงจุดทดสอบต่างๆบนเครือข่าย |
ตัวอย่างจุดทดสอบบนเครือข่าย
ภาพที่ 13 แสดงการใช้งาน CPU บน Linux |
ภาพที่ 14 แสดงหน้าจอจากคำสั่ง sh processes cpu |
ภาพที่ 15 แสดง Backplane ของ Switch |
ภาพที่ 16 ตัวอย่างการทดสอบ backplane ของ switch รุ่น 6500 ของ Cisco |
ตัวอย่างเครื่องมือทาง Software ที่ใช้เพื่อทดสอบและเฝ้าดูการทำงานของระบบเครือข่าย
Software ที่ใช้ทดสอบระบบเครือข่ายมีมากมาย แต่ในฉบับนี้ ขอกล่าวถึงเฉพาะ Software เพียงบางรายการเท่านั้น
Passmark
Passmark Advanced Network test (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบประสิทธิภาพ) ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถทดสอบการถ่ายเทข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสองบนเครือข่าย โดยจะต้องกำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ทำหน้าที่เป็น Server และรอคอยการติดต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็น Client และมีการขนถ่ายข้อมูลระหว่างที่มีการทดสอบ
Passmark สามารถทำงานบนเครือข่ายใดๆก็ตามที่ทำงานภายใต้ TCP/IP รวมทั้งเครือข่าย Ethernet ตลอดจน Dial Up Modem ADSL ตลอดจน Cable Modem และ LAN/WAN รวมทั้ง ระบบ WiFi โดยเป็น Software ที่ใช้ทรัพยากรอย่างเช่น CPU time น้อยมาก อีกทั้งยังสามารถทำงานบนเครือข่ายความเร็วระดับ Gigabit ได้อีกด้วย
ผู้ใช้งานมีขีดความสามารถในการเปลี่ยนขอบเขตการทดสอบได้ ดังนี้
ภาพที่ 17 แสดงหน้าจอการตั้งค่าของ Passmark |
ภาพที่ 18 แสดงหน้าจอผลการทดสอบจาก Passmark |
โปรแกรม Capsa Enterprise
Capsa Enterprise เป้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อทดสอบ และตรวจสอบระบบเครือข่ายที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน ถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับระบบเครือข่ายขนาดเล็กไปจนถึงระดับ Enterprise โดยเป็นโปรแกรมที่สามารถเฝ้าดูการทำงานของระบบเครือข่าย อีกทั้งสามารถนำมาใช้เพื่อ Troubleshooting ทั้งที่เป็นเครือข่ายแบบมีสาย และแบบไร้สาย ซึ่งรองรับ 802.11/a/b/g/n ไม่ว่า ท่านจะเป็นผู้บริหารจัดการระบบเครือข่ายที่ต้องพิสูจน์ ตรวจสอบ วิเคราะห์ปัญหา และเพื่อค้นหาสาเหตุปัญหาการทำงานของระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว Capsa Enterprise จึงเป็นเครื่องมือบริหารจัดการเครือข่าย ที่จะต้องมีไว้ใช้งาน
ประสิทธิภาพหลักของ Capsa Enterprise
ภาพที่ 19 แสดงหน้าจอการทำงานของ Colasoft Capsa Enterprise |
การทดสอบระบบเครือข่าย ถือว่าเป็นงานชิ้นสำคัญอีกอย่างหนึ่งของผู้ดูแลระบบเครือข่าย การทดสอบระบบเครือข่าย สามารถทำได้หลังจากการติดตั้ง เครือข่ายใหม่ๆ หรือมีการติดตั้ง Application ตลอดจนการอัพเกรดเครือข่ายใหม่ เพื่อเป็นการพิสูจน์แสดงว่า เครือข่ายมีความพร้อมเพียงใด และมีปัญหาการทำงานหรือไม่ เมื่อมีการติดตั้ง Application ใหม่ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถประมาณการณ์ขีดความสามารถของเครือข่าย